วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผมดูดวงแม่น หรือมั่ว

      

 ช่วงต้นปีผมดูดวงให้เพื่อนผมคนหนึ่ง ผมบอกเค้าไปว่า ตอนนี้เค้ากำลังเครียดในเรื่องงานอยู่ อาจต้องมีปัญหากับหัวหน้างาน ซึ่งตอนนั้นเค้ายอมรับว่าเค้าเครียดจริง ๆ และที่มากรุงเทพมาหาผมในครั้งนี้ในอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อมาสัมภาษณ์งานกับอีกบริษัทที่นัดไว้ ผมบอกเค้าไปอีกว่าให้ระวังจะโดนตำหนิจากหัวหน้างานในช่วงนี้ ให้ไปไหว้พระให้สิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครอง และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอหัวหน้า เค้าก็ทำตามที่ผมบอก
       ประมาณ 2-3 เดือนต่อมาผมได้เจอเค้าอีกครั้ง เค้าบอกผมว่า เค้าไม่มีปัญหากับหัวหน้างานเลย ไม่โดนตำหนิด้วย ผมดูดวงไม่แม่นหรอก ผมมั่ว ผมก็ไม่ได้แก้ตัวอะไร ก็ปล่อยให้เค้าว่าไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วถ้าเค้าไม่ได้มาดูดวงและรู้ชะตาตัวเองกับผมในครั้งนั้น เค้าคงต้องถูกเจ้านายตำหนิ แต่พอมาดูดวงกับผม ผมก็บอกเค้าไปก่อนว่าจะเกิดปัญหา และหาทางป้องกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาที่กำลังจะเกิด ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้เค้าอยู่ในภาวะเหนือดวง คือจากหนักกลายเป็นเบา จากที่จะเกิด กลายเป็นไม่เกิด เป็นการเปลี่ยนให้ดวงดีขึ้น แทนที่เค้าจะขอบคุณผมที่ช่วยเค้าไว้ได้ กลายเป็นว่าผมต้องมาโดนกล่าวหาว่าดูดวงมั่ว ๆ เป็นทำบุญได้บาปไป
        ในกรณีแบบนี้ ผมไม่ได้ติดใจอะไรที่เค้ามาตำหนิผมแทน ผมเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของคนเราที่จะคิดอย่างไรก็ได้ ตีความไปอย่างไรก็ได้ตามที่เราพอใจ ผมไม่ขัดเค้าเลยครับ แต่ผมกลับรู้สึกดีที่ได้ช่วยคนอื่นไว้ได้ ซึ่งหากเค้าไม่ได้มาดูดวงกับผม และผมไม่ได้เสนอทางแก้ให้เค้าไว้ก่อน เค้าอาจเครียดหนักกว่านี้ และคงไม่ได้มาพูดกับผมแบบมั่นใจว่าผมมั่วได้แบบตอนนี้แน่นอน จุดประสงค์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมรักในการดูดวงคือการได้ช่วยคนอื่น ช่วยทำให้ดวงเค้าที่กำลังเจอปัญหาได้ผ่อนหนักเป็นเบา ได้ทำให้ชีวิตของคนอื่นดีขึ้น ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าคำขอบคุณ เพราะมันคงไม่สำคัญเท่าไหร่สำหรับผมครับ