วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การแก้กรรมเรื่องการเงิน

การเสริมบารมีแก้กรรมการเงิน การเงินมีปัญหา เก็บเงินไม่อยู่





ให้ท่านทำบุญด้วยการถวายของ หรือทำบุญดังนี้


            1. บาตรพระ ในบาตรให้ใส่ข้าวสารชนิดที่ดีที่สุด ใส่เต็ม ให้ใช้ถุงพลาสติกห่อ ก่อนใส่ในบาตรด้วย ไม่งั้น เวลาพระเปิดฝาบาตรข้าวสารจะหก เก็บลำบาก
อานิสงส์ที่จะได้รับ ได้อานิสงส์ กินไม่หมด ไม่อดอยากเรื่องทำมาหากินเลย เพราะพระท่านได้ใช้บิณฑบาตร ทุกๆวัน กับข้าวชนิดไหน ที่เขาใส่บาตร เราจะได้ทั้งหมด ข้าวสารในบาตร จะได้ใช้หนี้กรรม ให้นายเวร ที่เขาจองเวรเรา ข้าวสารหนึ่งเม็ด คูณอานิสงส์ ในพระพุทธศาสนา ได้อานิสงส์ คืนมาเป็นล้านๆ เม็ด ต่อ ข้าวสาร 1 เม็ด จึงใช้หนี้กรรมได้ไว การเงินเราจะคล่องตัวไว      

            2.หากท่านไหนรู้สึกว่าการเงินไม่คล่องสักที วิบากกรรมทางการเงินเยอะเหลือเกิน ใช้เขาเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที หรือมีปัญหาการเงินตลอด แสดงว่าชาติที่แล้วติดหนี้กรรมเขาไว้เยอะ ต้องแก้ด้วยการถวายข้าวสาร หนักกว่าน้ำหนักตัวเรา ณ ปัจจุบัน บวก 1กก.
ถวายเป็นสังฆทาน วัดไหนก็ได้ ต้องกล่าวคำถวาย ให้เตรียมสังฆทาน 1 ชุด แล้วถวายข้าวสารเป็นบริวารของสังฆทานไป  เช่น หนัก 63 กก. ก็ถวาย 64 กก.  หากทำหมดทีเดียวไม่ได้ ให้ทำทั้งหมดภายในสามเดือน แบ่งทำ ไม่ใช่เอาไปมอบให้นอกเขตพระศาสนา เนื้อนาบุญมันน้อย ได้บุญน้อย ต้องในเขตจึงจะแก้กรรมได้ จากนั้นตั้งใจกรวดน้ำว่า หากเราเคยติดหนี้ใครไม่ได้ใช้ในอดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติทั้งหมดนี้  เราขอชดใช้ให้ด้วยอานิสงส์จากการถวายข้าวสาร เหล่านี้ แด่เนื้อนาบุญพระพุทธศาสนาบุญนี้ ขอให้ถึงแก่ทุกรูปรูปนามที่เราติดหนี้ท่าน

            3. ทำบุญที่หนุนขึ้นที่สูง เช่น แท่นประทับพระพุทธรูป  เก้าอี้ อาสนสงฆ์ รองเท้า เสื่อสาด เครื่องลาดปู ถนน สะพาน

            4. ทำซุ้มประตู วัด หรือป้ายบอกทางไปวัด

            5.ชำระหนี้สงฆ์

           ที่ให้ทำใน 5 หัวข้อข้างต้น เพราะ บางท่าน กรรมเก่าหนักมากๆ แก้แบบทั่วๆไปไม่ได้ ต้องแก้ด้วยการกระทำเหล่านี้ หากไม่แก้ก็จะหนักไปจนวันตาย จะมีเงินมาช่วงไหนก็จะพลัดไป จะมีโอกาสดีๆเมื่อไหร่ก็จะพลาดไปทุกๆที ลองทำดูครับ ไม่เสียหาย กรรมหากแก้ถูกจุด มันก็หลุดชีวิตจะดีขึ้น   

ที่มา ผลบุญ

การแก้กรรมเรื่องคู่ครอง







1. แก้กรรมร้างคู่

คนบางคนขาดคู่แท้ คู่ถาวรเพราะวิบากกรรม
ชาติก่อนอาจเคยทำให้คู่รักต้องเลิกกันไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
หรืออาจเคยพรากคู่รักให้แยกจากกัน
หรือเคยยุยงให้เขาแตกกัน
หรือขัดขวางมิให้เขาได้ครองคู่กัน
การแก้กรรมดวงที่ร้างคู่ให้ปฏิบัติ ดังนี้

1.1 ถวายเทียนคู่หรือแจกันคู่
ถวายให้ครบ 9 วัดอย่างต่อเนื่อง
จะทำบุญเดือนละ 1 วัดหรือ 2 วัดก็ได้ตามแต่สะดวก
ให้ถวายในวันเกิดของตน เช่น คนเกิดวันพุธ ก็ไปทำบุญวันพุธ
อธิษฐานจิตขอทำบุญเพื่อแก้วิบากกรรม
ตั้งจิตภาวนาขอพรเรื่องคู่ตามที่หวัง
(สามารถถวายสิ่งของอื่นแก่วัดได้ แต่ควรถวายสิ่งของที่ใช่เป็นคู่ เช่น เชิงเทียน)



2. แก้กรรมชีวิตคู่ไม่ราบรื่น

 อาจเป็นเพราะชาติปางก่อน ทำบุญร่วมกันโดยไม่เต็มใจ
จึงเกิดมาเป็นคู่กัน แต่ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น
หรือเมื่อครั้งที่เคยเป็นคู่กันนั้น ขาดความปรองดองต่อกันหรือร่วมมือกัน
จึงต้องมาทะเลาะเบาะแว้ง ให้แก้กรรมโดยปฏิบัติ ดังนี้

2.1 ร่วมใจกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์อย่างสม่ำเสมอ ต้องเป็นประจำสม่ำเสมอ ทุกกเช้า วันเว้นวัน หรือทุกอาทิตย์
2.2 ร่วมกันทำบุญถวายสังฆทานสม่ำเสมอ ทุกเดือน หรือ ทุก 3 เดือน
2.3 ร่วมกันสวดพระคาถาบท ทุกวันพระเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นสวดทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ
2.4 เป็นเจ้าภาพหรือร่วมเป็นเจ้าภาพ เกี่ยวกับงานเลื้ยงวิวาห์ ออกแรงหรือออกเงินช่วยงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวที่ไม่รวยนัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ที่เรารู้จักคุ้นเคยดี
2.5 ตั้งตนชอบอยู่ในจริยธรรมอันดี คิดดี พูดดี และทำดีต่อคู่รักทุกคู่ มิว่าจะรู้จักกันดีหรือไม่ ช่วยให้คู่รักเขาได้สมรักหรือได้เข้าใจกัน ไม่ทำให้เขาแตกร้าวกัน จะได้อานิสงค์แรงมาก


3.แก้กรรมคู่ไม่สมพงศ์ดวงกัน


คู่ที่มีดวงไม่ถูกโฉลกกัน หรือไม่สมพงศ์กันในทางพื้นเรือนชะตา เมื่อมาครองคู่ด้วยกันแล้ว
ชีวิตมักจะขรุขระไม่ราบรื่น มีอุปสรรคให้ฟันฝ่าจนเหนื่อยเสมอ หรืออาจมีความลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก้าวหน้าช้า
มีความขัดสน หรือมีปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้หาความสุขสบายแท้จริงไม่ได้ ให้แก้กรรม ดังนี้
3.1 ร่วมกันทำบุญ ทำทานสม่ำเสมอ ทำบุญด้วยการออกแรงแทนเงินก็ได้ นำข้าวของไปบริจาคคนยากไร้ ไปอาสาช่วยงานบุญที่วัด
3.2 ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์
3.3 ไปไหว้พระ ทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงร่วมกัน
3.4 ไปไหว้ศาลหลักเมืองด้วยกัน
3.5 ร่วมกันปล่อยนก ปล่อยปลาย ปล่อยหอยขม โดบไปซื้อปลาที่ตลาดสดมาปล่อย หรือไถ่ชีวิตสัตว์
3.6 ร่วมกันล้างบ้าน จัดบ้านใหม่ ไหว้พระที่บ้าน ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง


4. อธิษฐานขอฟ้าให้พบหน้าคู่แท้


ต้องฟังผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัวที่สูงวัย ที่ให้คำแนะนำ ตรงนี้เป็นบุญประการหนึ่ง บุญนี้จะหนุนนำให้ได้คู่ที่ดี ให้ได้ลูกที่ดีในลำดับต่อไป ต่อมาเป็นเรื่องของการทำบุญ คือไม่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่เดือดร้อน ปู่ย่าตายายเดือดร้อน ร้อนกายร้อนใจว่าเราเอกเขรกเกเร ทั้งนี้จะเป็นบุญกุศลหนุนนำให้เราได้พบคู่รักอันเป็นคู่แท้ประการหนึ่ง อีกหลาย ๆ ประการที่กล่าวถึงดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นบุญกุศลในเรื่องที่จะให้สมหวังในความรักทั้งนั้น


การกตัญญูกตเวทิตาต่อบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ในวงศ์ตระกูล ทำบ้านให้ร่มเย็นเป็นสุข การทำบุญกับบ้านเด็กกำพร้า การบริจาค หรือการทำบุญกับบ้านคนชรา การบริจาค หรือการทำบุญให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ การบริจาคหรือการทำบุญกับมูลนิธิเพื่อนหญิง หญิงที่ถูกทำร้าย การบริจาคหรือการทำบุญกับโรงพยาบาล เป็นส่วนสำคุญที่จะเป็นบุญแรง เป็นบุญใหญ่ หนุนนำให้เกิดความสุขและความสำเร็จในเรื่องความรัก เพราะสถานที่ที่ได้กล่าวถึง มีสื่อทางจิตวิญญาณอันสัมพันธ์เกี่ยวกับบุญวาสนาบารมี ที่จะเกื้อหนุนให้เกิดพลังของผลบุญที่เกื้อหนุนในเรื่องของความรักและชีวิตครอบครัว เมื่อทำบุญแล้วต้องมีการอธิษฐานบุญ ขอให้ตั้งจิตอธิษฐาน เมื่อท่านสงบนิ่งแล้วให้ระลึกถึงสิ่งที่เป็นผลบุญที่ได้กระทำอันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านได้ทำบุญมา และให้อธิษฐานว่า


“ขอให้ข้าพเจ้า ชื่อ-นามสกุลของท่าน ขอให้ประสบความสุข ความสำเร็จโดยเฉพาะในเรื่องของชีวิตคู่ เรื่องของครอบครัวขอให้มีความสุข ขอให้ได้พบคู่แท้ดังที่ปรารถนา หากใครก็ตามที่เป็นคู่แท้ ก็ขอให้พบโดยเร็วพลัน ขอให้ได้เรียนรู้ ขอให้อย่าได้พบกับคนที่หลอกลวง แต่ถ้าหากใครคิดจะหลอกลวง ทำร้าย ทำลายน้ำใจให้มีความรู้สึกเจ็บช้ำ จงอย่าได้กล้ำกลายเข้ามา ขอให้ห่างไกลหลีกลี้หนีไปจากบารมี หลีกลี้ไปจากเรา ขอให้มีบารมี บุญบารมีธรรมคุ้มครองเราด้วยเถิด หากใครเป็นคู่แท้แล้วไซร้ก็ขอให้จงมีโอกาสเข้ามาใกล้ ประดุจเทพอุ้มสม คือเทพหนุนนำ เทวดาชักพา ให้เกิดการพบหน้า มีจิตประภัสสรให้เกื้อหนุนกันต่อไป จากปัจจุบันถึงอนาคตด้วยเถิด สาธุ”


อะไรประมาณนี้ ท่านก็จะสมหวังตามที่ปรารถนา ส่วนอธิษฐานมีส่วนเหมือนกัน กล่าวคือ ท่านที่เกิดวันอาทิตย์นั้น การอธิษฐานควรจะอธิษฐานหรือทำบุญในวันอาทิตย์หรือวันพฤหัสบดี ท่านที่เกิดวันจันทร์ควรจะทำบุญอธิษฐานขอพรจากเทวดาฟ้าดิน ในวันจันทร์หรือวันพุธ ส่วนท่านที่เกิดวันอังคารควรขอพรจากเทวดาฟ้าดินในวันอังคารและวันศุกร์ ท่านที่เกิดวันพุธกลางคืนควรอธิษฐานขอพรในวันพุธกลางคืนและวันเสาร์ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของการอธิษฐานขอฟ้าให้พบหน้าคู่แท้ หวังว่าท่านคงไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อความสุขของท่านเองและคนรอบข้าง ให้สมหวังดังที่ปรารถนา พบรักในเร็ววัน


Credit : horoworld


รู้จักผม

ขอแนะนำตัวครับ

ผมชื่อจุ๊บ หรือหมอจุ๊บ ที่ใช้ชื่อหมอจุ๊บเพราะค่อนข้างส่งผลดีกว่าด้านเลขศาสตร์
ไม่อยากให้เรียกอาจารย์เท่าไหร่เพราะผมอายุยังน้อย ต้องศึกษาอีกเยอะครับ
ชื่อจริง ปรัชวินทร์ ภาสย์วชิรานนท์
ภูมิลำเนาอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ตอนนี้ทำงานด้านโหราศาสตร์ เลขศาสตร์ เป็นนักพยากรณ์เต็มตัวครับ





                ผมเริ่มศึกษาวิชาการดูดวงตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ที่ศึกษาเพราะต้องการรู้อนาคตของตนเอง เพราะเวลาไปดูดวงหมอดูแต่ละคนก็พูดถึงอนาคตผมไม่เหมือนกัน ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง จึงอยากรู้ว่าดวงเราเองนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร มันสามารถพยากรณ์ได้จริงหรือไม่ จึงลองศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง   แรกเริ่มสมัยมัธยมผมศึกษาจากการดูลายมือซื้อหนังสือมาอ่านเองหลายเล่มแต่ก็ยังคลุมเครือศึกษาอยู่นานแรมปีก็ยังทำนายได้ไม่ชัดเจน ศึกษาเพิ่มเติมวิชาอื่นมาเรื่อยๆ ประกอบกับดูหมอดูหาอาจารย์เก่งๆ ก็ยังไม่ชัดเจน ยังไม่ตอบโจทย์ความอยากรู้  จนได้มาเจอกับหมอดูวิชาโหราศาสตร์ไทยซึ่งในช่วงที่ทำนายอาจารย์ท่านหนึ่งได้ทำนายว่าผมจะเจอคู่ลักษณะอย่างไรวันที่เท่าไหร่ แล้วก็เกิดขึ้นกับผมจริงๆ ตรงเวลาตามที่ท่านอาจารย์ท่านนั้นบอกพอดิบพอดี จึงเริ่มเลื่อมใสในวิชาโหราศาสตร์ไทยและเริ่มศึกษาอย่างจริงจังมาตั้งแต่ตอนนั้น  วิชาโหราศาสตร์ไทยเป็นวิชาที่คิดว่าเหมาะกับความชอบของผมที่สุด   ผมพบว่าเรื่องดวงนั้นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าชีวิตจะหันเหไปทางไหนได้จริง ซึ่งหากศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจังจะทำให้สามารถเข้าใจความเป็นตัวตนของตนเองได้ดีขึ้น  พบว่าแท้จริงแล้วเราเองเป็นคนอย่างไร ควรทำอะไรถึงจะเหมาะมีความสุขและประสบความสำเร็จได้  ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเรียนรู้ เพราะจะทำให้เราได้เห็นถึงช่วงโอกาสจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาดีที่สุด และช่วงไหนที่ยังไม่ควรลงมือทำ  การดูดวงนั้นไม่สามารถกำหนดชีวิตเราได้ทั้งหมด ดวงจะเป็นตัวบอกทิศทาง ส่วนชีวิตเราจะเป็นเช่นไรอยู่ที่เราจะเลือกเดินไปทางไหน

                 สำหรับการพยากรณ์ผมใช้วิชาโหราศาสตร์ไทยในการพยากรณ์ เพราะมีความเชี่ยวชาญมากที่สุดในสายวิชาการดูหมอที่เรียนมา สามารถบอกเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างละเอียด  ซึ่งวิชานี้เป็นวิชาที่ละเอียดอ่อน การพยากรณ์จะพยากรณ์แบบลวก ๆ ไม่ได้ ต้องดูองค์ประกอบของดวงชะตาในหลายด้าน ถ้าหากบางท่านผูกดวงผ่านระบบโปรแกรมสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถหยั่งรู้ถึงเหตุการณ์อีกหลายด้านที่โปรแกรมไม่สามารถบอกได้  และจะไม่สามารถตอบคำถามและหาทางทางออกกับบางปัญหารวมถึงเรื่องของบุญกรรมครับ 
              
                 





ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

ชื่อเรียก  หมอจุ๊บ

ประสบการณ์ศึกษาทางโลก ปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ประสบการณ์ศึกษาทางธรรม บวช 1 พรรษา ได้นักธรรมตรี  ฝึกวิชามโนมยิทธิครึ่งกำลังของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำด้วยตนเอง วิชาถนัดคืออาณาปานสติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สมถะกรรมฐาน 

ประสบการณ์ดูดวง  ศึกษาด้วยตนเองมาตั้งแต่สมัยมัธยม เริ่มจากการดูลายมือ ไฝปาน มาแตกแขนงที่วิชาโหราศาสตร์ไทยผูกดวงวางลัคนา และเขียนศาสตร์เฉพาะขึ้นมาใหม่ชื่อเลขะปราการณ์ ทำนายดวงมามากกว่าหมื่นดวง

ศาสตร์ที่ใช้พยากรณ์  โหราศาสตร์ เลขะปราการณ์ ดูดวงเปิดกรรม เช็ควิวัฒนาการบุญและกรรมจากตัวเลข



วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทำไมต้องดูดวงผ่าน MSN

ดูดวงผ่านMSN




              หลังจากหมกมุ่นอยู่นานร่วม 10 ปีกับการทำนายดวงชะตาในหลายรูปแบบ รวมถึงการเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์  ก็ได้ฤกษ์ออกโรงช่วยคนเริ่มต้นด้วยค่าครู 99 บาท ทำนายโดยใช้วิชาโหราศาสตร์ไทยผูกดวง ทำนายให้แม่ พี่สาว บรรดาญาติ ๆ เพื่อทดสอบความแม่นยำ ผลออกมาโอเค จึงมาทำนายให้เพื่อน ๆ ในที่ทำงาน การตอบรับค่อนข้างดี เก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่นานหลายปีก็เริ่มมีความคล่องตัวมากขึ้น   แต่ก็มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือ บางครั้งผมก็พูดไม่เคลียร์ บางทีก็พูดแรงเกินไป เนื่องจากผมเป็นคนปากไวมาก พูดจาตรงแบบไม่อ้อมค้อม ผมรู้สึกว่าผมค่อนข้างมีปัญหาด้านการพูดพอสมควร ดูจากดวงครับ






                 ผมลัคนาราศีกันย์ ซึ่งมีดาวพุธเป็นดาวประจำตัว  จะเห็นได้ว่าดาวพุธดันไปอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งเกษตร (ไม่ได้หมายถึงผมกลัวภรรยานะครับ แต่เกรงใจครับ) ตกเป็นตำแหน่งประ ส่งผลให้การพูดของผมไม่คงที่ คือดีบ้าง ร้ายบ้างแล้วแต่อารมณ์ บางทีสะดุด บางทีก็ลื่น  เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย  ซึ่งส่งผลอย่างยิ่งต่อการประกอบอาชีพประเภทหมอดูซึ่งต้องอาศัยจิตวิทยาในการพูดสูงเพื่อให้คนฟังรู้สึกดีที่สุด  ที่สำคัญอีกอย่างคือผมเกิดวันเสาร์ดาวพุธเป็นกาลี พูดมากไปก็ไม่ดี มีปัญหาขนาดนี้ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ครับ ยังอยากจะประกอบอาชีพนี้ต่อไปด้วยใจรักที่จะช่วยผู้คน จึงเป็นที่มาของการดูดวงผ่าน MSN ครับ บางครั้งมีคนพยายามจะขอดูทางโทรศัพท์ ก็ได้อยู่ครับ แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าคำพูดจากการปากไวของผมจะไปทำร้ายจิตใจใครรึเปล่า  แนะนำว่าถ้าจะดูดวงกับผมขอเป็นดูผ่าน MSN ดีกว่าครับ จะได้ใช้เวลาในการวิเคราะห์ดวงแบบมีสมาธิ รวมถึงได้ใช้เวลาในการขัดเกลาความคิดผ่านออกมาเป็นตัวหนังสือ เพื่อจะได้รูปประโยคที่ดูแล้วโอเคและได้ประโยชน์ที่สุดครับ

                (อัพเดตเพิ่มเติม)สำหรับในตอนนี้ทำนายดวงมาหลายพันดวง ผ่านการทำนายหลายรูปแบบ ทำนายดวงได้เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มีเทคนิคการอ่านดวงที่รวดเร็วขึ้น ตอนนี้สามารถทำนายได้โดยใช้ระบบออนไลน์ ระบบแชท ทางโทรศัพท์ ทางเมลล์ ตัวต่อตัว หรือยังไงก็ได้ตามแต่เจ้าชะตาจะสะดวกครับ

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผมดูดวงแม่น หรือมั่ว

      

 ช่วงต้นปีผมดูดวงให้เพื่อนผมคนหนึ่ง ผมบอกเค้าไปว่า ตอนนี้เค้ากำลังเครียดในเรื่องงานอยู่ อาจต้องมีปัญหากับหัวหน้างาน ซึ่งตอนนั้นเค้ายอมรับว่าเค้าเครียดจริง ๆ และที่มากรุงเทพมาหาผมในครั้งนี้ในอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อมาสัมภาษณ์งานกับอีกบริษัทที่นัดไว้ ผมบอกเค้าไปอีกว่าให้ระวังจะโดนตำหนิจากหัวหน้างานในช่วงนี้ ให้ไปไหว้พระให้สิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครอง และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอหัวหน้า เค้าก็ทำตามที่ผมบอก
       ประมาณ 2-3 เดือนต่อมาผมได้เจอเค้าอีกครั้ง เค้าบอกผมว่า เค้าไม่มีปัญหากับหัวหน้างานเลย ไม่โดนตำหนิด้วย ผมดูดวงไม่แม่นหรอก ผมมั่ว ผมก็ไม่ได้แก้ตัวอะไร ก็ปล่อยให้เค้าว่าไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วถ้าเค้าไม่ได้มาดูดวงและรู้ชะตาตัวเองกับผมในครั้งนั้น เค้าคงต้องถูกเจ้านายตำหนิ แต่พอมาดูดวงกับผม ผมก็บอกเค้าไปก่อนว่าจะเกิดปัญหา และหาทางป้องกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาที่กำลังจะเกิด ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้เค้าอยู่ในภาวะเหนือดวง คือจากหนักกลายเป็นเบา จากที่จะเกิด กลายเป็นไม่เกิด เป็นการเปลี่ยนให้ดวงดีขึ้น แทนที่เค้าจะขอบคุณผมที่ช่วยเค้าไว้ได้ กลายเป็นว่าผมต้องมาโดนกล่าวหาว่าดูดวงมั่ว ๆ เป็นทำบุญได้บาปไป
        ในกรณีแบบนี้ ผมไม่ได้ติดใจอะไรที่เค้ามาตำหนิผมแทน ผมเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของคนเราที่จะคิดอย่างไรก็ได้ ตีความไปอย่างไรก็ได้ตามที่เราพอใจ ผมไม่ขัดเค้าเลยครับ แต่ผมกลับรู้สึกดีที่ได้ช่วยคนอื่นไว้ได้ ซึ่งหากเค้าไม่ได้มาดูดวงกับผม และผมไม่ได้เสนอทางแก้ให้เค้าไว้ก่อน เค้าอาจเครียดหนักกว่านี้ และคงไม่ได้มาพูดกับผมแบบมั่นใจว่าผมมั่วได้แบบตอนนี้แน่นอน จุดประสงค์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมรักในการดูดวงคือการได้ช่วยคนอื่น ช่วยทำให้ดวงเค้าที่กำลังเจอปัญหาได้ผ่อนหนักเป็นเบา ได้ทำให้ชีวิตของคนอื่นดีขึ้น ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าคำขอบคุณ เพราะมันคงไม่สำคัญเท่าไหร่สำหรับผมครับ

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดาวให้คุณ ให้โทษ




  

 ดาวจะอยู่ที่ใดแล้วจะดี หรือ ให้โทษ   ขึ้นอยู่กับความสำคัญว่ามันแสดงบทบาทอะไร  อยู่กับใคร  อย่างไร  เมื่อไร  และจะเกิดกับผู้ใด    ซึ่งได้เล่าถึงบทบาทหลายอย่างของดาวมาให้ทราบแล้ว
 

        คนที่ผ่านการพยากรณ์ดวงมากๆ  จะจับทางได้ว่า  ดวงชะตาจริงของคน  ไม่ค่อยสอดคล้องกับตำแหน่งมาตรฐานของดาว  เช่น  ดาวเป็นอุจ  ควรจะดัง   หรือ ได้ดี แต่กลับตกต่ำบ้าง    หรือดาวเป็นเกษตร   เป็นคนจน  ไม่มีจะกินบ้าง    ทั้งนี้เกิดจากการที่เราเข้าใจผิดในตำแหน่งมาตรฐานเหล่านี้     ถ้าเราใช้เหตุผลสักหน่อย    ยกตัวอย่างดาวเดินช้าเช่น  พฤหัส  เสาร์  ราหู  ก็ได้    เมื่อเป็นอุจ  หรือเกษตร  จะอยู่นาน  ถึงหนึ่งปี  หรือหลายปี    ระหว่างนี้มีผู้คนเกิดมากี่พันล้านคน    หากผูกดวงแล้ว ก็ต้องมี  อุจ  เกษตร  เหมือนๆกัน    ชะตาคนทุกคนจะดัง  หรือรวยเหมือนกันไปหมดเป็นไปไม่ได้     สิ่งที่มาขัดให้ชัดขึ้น ก็คือ เวลาเกิดที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดลัคนา และเรือน   รวมทั้งดาวอื่นๆที่ยังโคจรอยู่โดยรอบ    ประกอบเป็นโครงสร้างแบบต่างๆที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

        โครงสร้างของดาวที่เกิดจากมุมดาวต่างๆเหล่านี้  มีความสำคัญมากกว่าตำแหน่งมาตรฐานของดาว   เวลาเราเป็นนักเรียนหัดใหม่ๆ  เรามักเอาดวงชะตามาเทียบกับดาวมาตรฐาน  เพื่อให้รู้ว่าดาวแต่ละดวง  มีมาตรฐานอะไร   แล้วก็ไปเปิดดูหนังสือ ตำราเพื่อหาความหมาย  แล้วก็ออกคำทำนาย    วิธีนั้นเป็นของมือหัดใหม่  ที่มองดาวเพียงดวงเดียว    แต่จริงๆแล้ว  ดาวไม่เคยอยู่ดวงเดียว  และยังไม่เคยมีดาวอะไร เป็นอิสระเลย   ยิ่งรู้ลึกลงไป   เราจะยิ่งพบว่า   แม้แต่ดาวดวงใดที่กำลังทำปฏิกิริยากับ เรือน หรือดาว  คู่ใดคู่หนึ่ง   ดาวดวงอื่นก็ร่วมผสมโรงอยู่ด้วยเสมอ   หากเราอ่านรหัสเหล่านี้ออกได้    เราก็จะได้เป็นรายละเอียดที่สามารถขยายความเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้อย่างละเอียดยิบ   บางทีเราอาจจะพออ่านออกได้ว่า  ใครที่พะวงในตำแหน่งดาวมาตรฐานเหล่านี้อยู่   ยังไม่เข้าใจความเป็นจริง  และยังติดอยู่ใน “กับดัก”  ขั้นต้นๆ ของนักโหราศาสตร์อยู่........ในเส้นทางของโหราศาสตร์อันยาวไกลนี้  เราต้องมีสมาธิในการเดินทาง    เพราะมักจะมีมารมาปลูกต้นไม้ดอกไม้  หอมๆ  และสวยงาม  ให้เราแวะหลงใหลอยู่เสมอ    หากเราตัดใจไปไม่ขาด    ในที่สุดก็จะเดินไปไม่ถึงจุดหมาย หลายคนเข้าใจว่า  ใครที่มีดาวมาตรฐาน  เช่น อุจ  เกษตรมากๆ  เป็นดวงที่ดี   และจะมีวาสนาดีนั้น    ควรเข้าใจเสียใหม่ว่า   ธรรมดาธรรมชาตินั้น จะจัดสมดุลของตัวมันเอง  และเข้าสู่สมดุลอยู่เสมอ   ที่โหราศาสตร์แบ่งดาวออกเป็นบาปเคราะห์และศุภเคราะห์ก็เพราะเหตุนี้     บาปเคราะห์และศุภเคราะห์ไม่ได้หมายถึงความเลว  และความดี  แต่หมายถึงความแข็งแกร่งและอ่อนโยน โลกและชีวิตต้องการสองส่วนนี้ผสมกลมกลืนกันดี จึงจะมีกำลังก้าวไปข้างหน้าได้    ร่างกายของคนเราก็มีส่วนที่แข็งแกร่ง  และอ่อนนิ่ม อยู่ทั้งร่างกาย    ลองคิดดูว่าหากมีแข็งอย่างเดียว   หรืออ่อนอย่างเดียวไปทั้งตัว  จะเกิดอะไรขึ้น    อาหารที่เผ็ดอร่อย  ก็ต้องมีรสเค็มหวานกำลังดี   แต่ถ้ามากเกินไป  เค็มจนขม  หวานจนเอียน   อาหารนั้นจะไม่อร่อย    มหาทักษาก็มีการหมุนเวียนของของธาตุศุภเคราะห์  และบาปเคราะห์สลับกัน    ดาวคู่สมพลที่ทำให้มีกำลัง  ก็เกิดจากการจับคู่ศุภเคราะห์และบาปเคราะห์  หากเราจะดูดวงชะตาของคนสำคัญในโลกหลายคน   จะเห็นว่ามีทั้งดาวทั้งบาปเคราะห์  ศุภเคราะห์แสดงผลในดวงชะตา  ต้องต่อสู้ฟันฝ่ากันมาแทบทั้งนั้น   จึงจะเป็นคนรวย  คนดัง  ระดับโลกได้

           ดาวมาตรฐานนั้น   หากยังไม่คิดโครงสร้างของดาวก่อน  การมีดาวเกษตร อุจ มากๆในดวงชะตา  เหมือนกับชีวิตที่อ่อนแอมาก  หรือแข็งมากเกินไป   มองจากสายตาที่เที่ยงตรงแล้วไม่ดี   คนที่มีเกษตรมากไป   อาจทำให้เฉื่อย   ทำหลายอย่าง   แต่ตัดสินใจทำอะไรไม่ได้สักอย่าง   จนไม่อาจประสบความสำเร็จได้   คนที่มีดาวอุจหลายดวงเกินไปก็มักมีอัตตาสูง  นิสัยเสีย เสี่ยง และอาจขาดความรับผิดชอบ  ต่อผู้อื่น  มุ่งหวังความสำเร็จของตนเองอย่างเดียว   ใครจะตายบ้างก็ช่างปะไร   การที่มีดาวอุจซ้อนอุจ  เล็งอุจ   หรือดาวเกษตรเล็งเกษตร   อนุเกษตร   บางครั้งจึงไม่ได้ความว่าชะตาดี    ในทำนองเดียวกัน  พวกดาวนิจประมากมาย  ก็ไม่ได้หมายถึงดี  หรือเลว    หากเอาสิ่งปรากฏในสังคม  อาจจะมียศศักดิ์  ร่ำรวยสุงกว่าพวกอุจเกษตรเสียอีก    แต่อาจต้องต่อสู้ฟันฝ่ามามากหน่อย   และนิสัยใจคอนั้นไม่แน่ว่า  อาจเป็นคนขี้ขลาด  ขี้โกง  หรือกล้าหาญ  อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้   คนที่มีความเสียสละจำนวนมากมักจะมีดาวนิจ ประในดวงชะตาเสมอ    คนที่มีดาวดึงดูดทางเพศหลายๆดวงก็เช่นกัน    หากมีพอสมควร   ทำมุมดี   ก็ดึงดูดเพศตรงข้ามได้    แต่หากมีมากไป  อาจเป็นคนลักเพศ    กลับเป็นเพศตรงข้ามไปเสียเอง   หรือกลายเป็นคนวิตถารทางเพศไป    นี่เป็นเหตุให้เราต้องหันไปพิจารณาโครงสร้างของดาว  และเรือน โดยลัคนา  เป็นหลักทุกครั้ง    ไม่ใช่เปิดดูตรงกับตำแหน่งดาวสถิตแล้วทายเลย
           ในหนังสือหรือตำราต่างๆมักจะมีรูปแบบดาวพิเศษมากมาย   ตั้งชื่อกันแปลกๆ   บางตำแหน่งอาจเป็นเพียงมติของอาจารย์บางท่าน  บางสมัย   หรือเป็นบันทึกเตือนความจำเท่านั้น    นักเรียนบางคนก็รวบรวมเอาไว้มาก   เพราะคิดว่าเป็นไม้เด็ดเคล็ดลับ   ทั้งๆที่ไม่รู้วิธีใช้  สังเกตว่าดาวบางดวง   หากรวบรวมมาแล้วอาจมีตำแหน่งมาตรฐานดีครบ 12 ราศี   อันที่จริงดาวเหล่านี้มีเงื่อนไขในการอยู่ในตำแหน่งนั้น อาจต้องรอดาวจรบางดาว หรือ มีดาวอื่นๆประกอบ   และเงื่อนไขอื่นๆอีกมากในการพิจารณาดาว  ไม่ใช่การดูอย่างสำเร็จรูปดวงเดียว  แล้วใช้ได้เลย     ซึ่งถ้าหากเรารู้หลักในการดูดาวจร  ดาวเดิม  หรือโครงสร้างดาว  ตลอดจนธาตุราศีแล้ว      ตำแหน่งมาตรฐานของดาวเหล่านี้  ก็ไม่จำเป็นเลย       เราเองก็อาจสร้างรูปแบบดาวมาตรฐานเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง     ดาวตำแหน่งพิเศษเหล่านี้ก็เหมือน  หนังสือเก็งข้อสอบ  ของเด็กๆ  ที่เพียงท่องจำคำตอบตามรูปแบบ  เพื่อจะเอาคะแนนเท่านั้น    แทนที่จะทำความเข้าใจในเหตุผลที่มา     ดังนั้นเพียงโจทย์ดัดแปลงเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย  ก็สอบตกแล้ว

  *บทความนี้ไม่ได้เขียนโดยหมอจุ๊บ เป็นบทความที่คัดลอกมาไว้ในบล็อกเพื่ออ่านในช่วงเรียนรู้โหราศาสตร์เพิ่มเติม ที่มาตอนนี้ยังค้นไม่เจอขออภัยเจ้าของบทความด้วยครับที่ตอนแรกไม่ได้ให้เครดิต

คู่แท้ คู่เวรคู่กรรม คู่บุญ







คู่ของคนเราในทางโหราศาสตร์จำแนกไว้เป็น 3 ประเภทคือ


หนึ่ง คู่แท้  คือคู่ที่คบกันแล้วอยู่ดีมีความสุข ช่วยกันทำมาหากิน สร้างครอบครัวที่ดี ต่างเป็นกำลังใจให้แก่กัน คู่แท้เมื่อเจอจะรู้สึกได้ทันที่ว่าคือคนที่ใช่ จะมีความรู้สึกบางอย่างที่ส่งออกมาในขณะที่ได้คบกัน บางคนเมื่อเจอครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นหน้า เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง หรือบางคนเคยได้เห็นกันมาก่อนแล้วในฝันหรือในนิมิต  เมื่อมีปัญหากันจะมีฝ่ายหนึ่งยอมอ่อนข้อ ยอมเงียบลงไปเอง จะรู้จักลดราวาศอกซึ่งกันและกัน เมื่อเจอคู่แท้จะทำให้ชีวิตก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนมีแรงผลักดันชีวิต หลายคนสามารถเปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เมื่อเจอคู่แท้  สามารถปรับปรุงตัวเองยอมเปลี่ยนตัวเอง คู่แท้จะคอยเสริม คอยให้คำแนะนำ เป็นเบื้องหลังที่ดีให้สามารถฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี  คู่แท้นั้นเมื่อคบกันแล้วจะไม่มีความรู้สึกลังเล วางแผนชีวิตคู่ต่อเนื่องได้ในระยะยาว  ถึงแม้ฝ่ายชาย หรือฝ่ายหญิงจะยังมีปัญหา ยังมีคนเข้ามาข้องเกี่ยว ก็ไม่สามารถจะแยกคู่แท้ออกจากกันได้ คู่แท้เกิดจากคู่ที่เคยร่วมบุญใช้ชีวิตทำบุญร่วมกันยาวนานมาแต่อดีตชาติ หรือคนที่เคยได้เป็นคู่แท้ที่รักกันมากมาแต่ชาติปางก่อน แล้วเคยสาบานว่าจะรักกันไปตลอดตราบชั่วสิ้นชีวิต ตลอดไปข้ามภพข้ามชาติก็จะไม่ขอจากกันไปไหน โดยไม่ผิดสัจจะ เมื่อตายจากกันจะได้เจอและได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีก


สอง คู่เวรคู่กรรม คือคู่ที่ตรงข้ามกับคู่แท้อย่างสิ้นเชิง เกิดมาเจอกันเพื่อทำลายกัน เพื่อใช้กรรมให้แก่กันและกัน หรือได้เจอเพื่อต้องรับกรรมที่เคยได้ก่อไว้ บางคนจะเจอคู่เวรคู่กรรมชั่วระยะเวลาหนึ่ง บางคนหลายเดือน หรือเป็นปี หากเคยทำกรรมหนักไว้ก็จะเจอคู่เวรคู่กรรมไปชั่วชีวิตหรือจนตายจากกันไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คู่เวรคู่กรรมเมื่อเจอกันจะรู้สึกรักและหลงมากอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งรักก็ยิ่งหลง ตกอยู่ในภวังความรักความหลงจนหูหนวกตาบอดไม่ยอมรับรู้ความจริงที่จะทำให้เจ็บใจหรือรับไม่ได้ ยอมถูกทำร้าย ยอมถูกตบตี ยอมถูกสวมเขา ยอมถูกเหยียดหยามดูหมิ่น ยอมถูกกระทำให้เจ็บปวดใจอย่างหนัก  เมื่อเจอคู่เวรคู่กรรมไม่ว่าจะเจอหนักเท่าไหร่เสียน้ำตาร้องไห้ฟูมหายขนาดไหนจะยังคงยอมรับ ทนได้ และรับได้เสมอ พร้อมให้อภัยทุกอย่าง ขอเพียงอย่าได้ทิ้งกันไปเพราะจะเจ็บปวดใจมากไม่อาจทำใจยอมรับได้ บางคนเปลี่ยนชีวิตจากที่เคยรุ่งเรืองมีชีวิตที่ก้าวหน้าต้องมาจบทิ้งทุกอย่างหมดตัวเป็นหนี้เป็นสิน จากที่เคยเป็นคนดีมีเหตุมีเหตุมีผลก็กลายเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่ฟังเหตุฟังผลใคร ใช้ชีวิตแบบประชดคู่ประชดตัวเองกินเหล้า เสพยา ติดสารเสพติด ใช้ชีวิตอย่างไม่แยแสกฏหมายสังคม ทำให้บุพการีเสียใจก็เป็นเพราะคู่เวรคู่กรรม คู่เวรคู่กรรมเกิดจากที่เราได้เคยทำกรรม สร้างกรรมไว้ ผิดศีลข้อสามผิดลูกผิดผัวเมียชาวบ้าน เคยเจ้าชู้ทำให้คนรักต้องเสียใจต้องร้องไห้  ยุยงส่งเสริมให้คนเลิกกัน เคยทำร้ายคนที่รักเรารวมถึงบุพการีอย่างหนัก ทำให้ชาตินี้ต้องมาเป็นฝ่ายรับกรรม  ซึ่งก็ไม่เหมือนกันบางคนก็หนักมากบางคนก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อหมดเวรหมดกรรมจะขาดจากกันไปเอง ความรู้สึกหลงหัวปักหัวปำจะค่อยๆ หมดไป เริ่มเห็นความจริงกระจ่างขึ้น  ทางแก้เมื่อเจอคู่เวรคู่กรรมคือให้ยอมรับว่าเราได้เคยสร้างกรรมไว้จึงต้องมาเจออย่างนี้ ขออโหสิต่อเจ้ากรรมนายเวรเรื่องคู่ ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นแล้ว หากเคยกระทำกับใครไว้ขอโหสิและจะไม่ทำกับใครอีก ทำบุญทุกครั้งพยายามอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเรื่องคู่ครอง ปฏิบัติกรรมฐานทำสมาธิภาวนาอุทิศส่วนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วจะขาดจากกันไปเองด้วยดีโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจมากนัก


สาม คู่บุญ คู่บุญคือคนที่เคยทำบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน อาจเคยเป็นเพื่อน หรือเคยเป็นญาติมิตรกันมาก่อน แล้วมีโอกาสได้ไปทำบุญร่วมกันชั่วระยะหนึ่ง หรือยาวนานแต่ไม่นานมากถึงขนาดคู่แท้ที่ใช้ชีวิตครองคู่ร่วมกันตลอด  คู่บุญคือคนที่เคยได้ร่วมบุญ หรือเคยเป็นแฟนคบหากันชั่วระยะเวลาหนึ่ง  ที่ยังได้เจอคู่บุญอีกเป็นเพราะก่อนที่เราจะเกิดมาเป็นเรานั้น ได้เคยเกิดมาแล้วหลายชาติ เคยคบหาดูใจเคยได้ร่วมบุญกับคนมากมาย  จึงมีโอกาสได้เจอกันอีก  คู่บุญจะไม่ทำร้ายกันรุนแรงเหมือนคู่เวรคู่กรรม เมื่อคบหากับคู่บุญแล้ว เมื่อหมดบุญไปจะมีเหตุให้ต้องเลิกจากกันไปเอง เช่นต้องห่างกันไป ห่างตัวต้องออกไปใช้ชีวิตของตนเอง หรือห่างด้วยเรื่องการเรียน เรื่องงาน หรือความไม่ลงตัวกันจึงทำให้ค่อยๆห่างเหินเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปจนกลายเป็นเพื่อนสนิท หรือกลายเป็นคนรู้จักกันไป  ก็จะทำให้ได้เจอคนใหม่มีชีวิตรักใหม่อีกเหลือเพียงความทรงจำดีๆ  คนเราเกิดมามีคู่บุญมากมาย ในทางโหราศาสตร์สามารถดูได้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ ถือว่าเป็นเกณฑ์คู่เล็ก เป็นช่วงมีโอกาสได้ปิ๊งปั๊งเจอคนที่ถูกใจ คนที่ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ  ในปีหนึ่งจะมีโอกาสได้เจอคู่บุญอยู่หลายสิบครั้ง บางคนเดินสวนกันแล้วรู้สึกดีขึ้นอย่างแปลกๆ  หรือได้คุยกันแป๊บเดียวรู้สึกเข้ากันได้มาก คู่บุญสามารถต่อยอดให้กลายเป็นคู่แท้ได้ด้วยการต่อบุญอีกในชาตินี้  เมื่อคบกันหากไม่อยากขาดจากกันให้หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน สักเดือนละครั้ง หรือจะมากกว่านั้นแล้วแต่ความสะดวก อย่าให้เกินสามเดือนควรหาเวลาทำบุญร่วมกันอีก  ทำไปสักระยะหนึ่งคู่บุญก็จะกลายเป็นคู่แท้ที่จะครองคู่กันไปตลอดไม่ขาดจากกันได้



คนที่เกิดมาดวงชะตาถูกกัน และไม่ถูกชะตากัน






ในทางโหราศาสตร์ คนที่จะคบกันได้หรือมองกันในแง่ดี ลัคนา (ลั) ของแต่ละฝ่ายจะต้องถึงกันหรือสัมพันธ์กันดี คำว่า ถึงกัน หมายถึง ถูกชะตากันดี ลัคนา (ลั) จะต้องตรีโกณถึงกัน เล็งกัน หรือโยคหน้าโยคหลังแก่กัน หลักวิชานี้ สังเกตได้จากเรื่องจริง ซึ่งค้นพบได้จากสถิติที่เกิดกับตัวท่านเอง

1. พวกที่ร่วมกลุ่มกันหรือคบกันได้ดีกลุ่มที่ 1 ลัคนาต่อลัคนาต้องอยู่ในตำแหน่งตรีโกณแก่กัน คำว่า ตรีโกณ

คนที่มีลัคนา (ลั) อยู่ในตำแหน่งตรีโกณกับลัคนา (ลั) ของอีกฝ่ายหนึ่ง จะคบกันได้ง่าย เข้าใจกันง่าย อาจเรียกได้ว่ามีความผูกพันกัน มองกันในแง่ดีและแม้อยู่ห่างกันก็คิดถึงกัน

2. พวกที่ไปกันได้กลุ่มที่ 2 ได้พวกลัคนา (ลั) เล็งกัน หมายถึง ลัคนา (ลั) อยู่ในเรือนชะตาตรงกันข้าม

ผู้ที่ลัคนา (ลั) เล็งกันกับลัคนา (ลั) ของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนกันหรือเป็นเจ้านาย เป็นลูกน้องกัน ถูกชะตากันดีทั้งนั้น คนทั้งสองฝ่ายจะมองกันในแง่ดี เข้าใจกันได้ดี อย่างที่เรียกว่า "ผิดก็ให้อภัย หรือ ขี้ก็ว่าหอม" นั่นแหละว่าอย่างงั้นเถอะ

3. พวกที่คบกันได้กลุ่มที่ 3 พวกที่ลัคนา (ลั) อยู่ในราศีเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายจะไม่ขัดแย้งกัน หรือมีทัศนะตรงกัน มีความเห็นหรือคิดอะไรใกล้เคียงกันไปในทางเดียวกัน รักหรือชอบอะไรก็ชอบเหมือนๆ กัน เกลียดใครก็เกลียดตรงกัน

4. กลุ่มที่คบกันได้กลุ่มที่ 4 พวกส่งเสริมสนับสนุนกัน คบกันได้ หมายถึง ลัคนา (ลั) ของฝ่ายหนึ่งอยู่ในเรือนลาภะของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเรียกว่า "โยคหลัง" ของอีกฝ่ายหนึ่ง (เรียกว่าห่างกัน 3 ช่องราศี นับจากลัคนาไปข้างหน้าหรือข้างหลัง หรืออยู่ในเรือนลาภะหรือเรือนสหัชชะของกันและกัน คนทั้งสองจะสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี

สรุปว่า คนทั้ง 4 กลุ่มนี้จะเข้ากันได้ดี เป็นพวกเดียวกัน คบกันง่าย เรียกว่าเป็นสหชาติโยธ คือเกิดร่วมกัน ถ้าเห็นกันปุ๊บก็ชอบหน้ากันปั๊บทีเดียว คบกันได้นานไม่แตกแยก ถ้าได้คบกันแล้วลืมกันยาก โดยเฉพาะกลุ่มแรก พวกตรีโกณแก่กัน เมื่ออยู่ห่างกันแล้วมักคิดถึงกันอยู่เสมอ

ท่านลองเอาดวงชะตาของท่านไปเทียบดูกับดวงชะตาของเพื่อนสนิท หรือลูกน้องคนสนิท คนที่ท่านรัก ถูกใจหรือชอบหน้าเอามาดูก็ได้ จะปรากฏว่าคนที่คบกันได้สนิทใจหรือคบกันนานๆ ลัคนา (ลั) ของเขาจะต้องอยู่ในกลุ่มหนึ่งใน 4 แบบนี้ จึงจะคบกันได้อย่างแนบแน่น และมักให้อภัยกันง่าย ชอบขี้หน้ากันนั่นแหละ ว่าอย่างงั้นเถอะ

มองเห็นความดีของกันและกัน หรือมีอะไรผิดพลาดก็ให้อภัยกันง่าย อย่างดวงชะตาของนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับ คุณสมัคร สุนทรเวช นั้น ลัคนา (ลั) ของทั้ง 2 ฝ่ายเล็งกัน คุณทักษิณ ลัคนา (ลั) อยู่ราศีกรกฎ และคุณสมัคร ลัคนา (ลั) อยู่ราศีมังกร เล็งกัน จึงถูกชะตากันดี อย่างไม่มีข้อสงสัย เห็นดีเห็นงามไปหมด เพราะลัคนา (ลั) ของทั้งสองฝ่ยเล็งกันนั่นเอง

พวกที่เข้ากันไม่ได้ หรือตามธรรมชาติไม่สามารถเป็นพวกเดียวกันได้

คนที่เห็นหน้าแล้วไม่ชอบหน้ากัน เกลียดกัน หรือเป็นศัตรูกัน เป็นคนละกลุ่ม คนละพวก หรือเรียกว่า คบกันไม่ได้ ลัคนา (ลั) ของฝ่ายหนึ่ง ต้องอยู่ในเรือนชะตาที่เสียของอีกฝ่ายหนึ่ง เรือนชะตาที่เสีย เรียกตามภาษาวิชาการว่า เรือนทุสถานภพ

ถ้าลัคนา (ลั) ของอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ในเรือนชะตาตำแหน่งที่กากบาทหรือเรียกว่า อยู่ในเรือนอริของเจ้าชะตา (เรือนที่ 6 นับจากลัคนา (ลั)) พวกนี้แม้จะทำดีอย่างไรเจ้าชะตาก็ไม่ชอบหน้า แม้จะเป็นเพื่อนร่วมเรียนชั้นเดียวกัน ห้องเดียวกัน ก็คบกันได้ยาก เพราะเจ้าชะตามักมองเห็นผู้ที่ลัคนา (ลั) อยู่ในเรือนอริเป็นศัตรู ไม่ว่าจะทำอะไรก็เรียกว่าขวางหูขวางตาไปหมด

อย่างเช่น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ลัคนา (ลั) อยู่ในราศีสิงห์ กับ นายสมัคร สุนทรเวช จะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับกรณีหลังนี้ ตามดวงชะตาแล้ว เกิดมาคนละกลุ่มกัน นั่นคือ ลัคนา (ลั) ของนายสมัครอยู่ในราศีมังกร ซึ่งเป็นเรือนอริของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

ส่วนดวงชะตาของพลเอกเปรม ลัคนา (ลั) อยู่ราศีสิงห์นำหน้าลัคนา (ลั) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งลัคนา (ลั) อยู่ในราศีกรกฎ ดังนั้น เรื่องอะไรก็ตาม หรือคนที่นายกฯ ทักษิณชอบ พลเอกเปรมจะไม่ชอบ เพราะเป็นดวงชะตาที่ไปกันไม่ได้ จากเหตุผลทางหลักวิชาโหราศาสร์ดังกล่าวมาแล้ว

เมื่อข้อมูลทางโหราศาสตร์เป็นเช่นนี้ ใครจะเป็นพวกใคร ใครจะรักใคร หรือใครจะชอบใคร คนที่สนใจวิชาโหราศาสตร์ก็พอจะรู้ได้อย่างง่ายๆ

ธรรมชาติของมนุษย์เกิดมาแบ่งกลุ่มแบ่งพวกกันเช่นนี้ที่มา : มติชนสุดสับดาห์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1332

กายวิภาคจักรราศี

 
             
คำว่า กายวิภาค ตรงกับภาษาอังกฤษ หรือ ศัพท์ทางการแพทย์ว่า อะนาโตมี (Anatomy) แปลว่า อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งอวัยวะภายนอก และอวัยวะภายใน ในโหราศาสตร์ระบบผูกดวงเป็นรูปจักรราศีนั้น ท่านได้จัดให้แต่ละราศี มีความหมายครอบครอง อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ครบทั้ง ๑๒ ราศี โดยเริ่มที่ราศีเมษ ที่เป็นราศีต้นกำเนิดของร่างกาย มีอิทธิพลครอบครองอวัยวะในส่วนที่เป็นศีรษะทั้งหมด ราศีถัดไป ก็จะเป็นส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไล่เรียงจากคอ หน้าอก หน้าท้อง แขน ขา จนถึงราศีมีน เป็นปลายเท้า ดังรูป




เมื่อจับตัวคนมาขดให้เป็นวงกลม ก็จะเห็นว่า ราศีต่าง ๆ ครองส่วนของร่างกาย ตามรูปภาพ คือ ราศีเมษ เป็นศีรษะ หน้า, ราศีพฤษภ เป็นส่วนคอ หลอดลม, ราศีเมถุน คือ แขน สะบัก ไหล่ , ราศีกรกฎ คือ หน้าอก เต้านม ปอด,  ราศีสิงห์ คือ หน้าอกใต้ราวนม ปอด และหัวใจ, ราศีกันย์ คือ  ท้อง (เหนือสะดือ) ตับ ลำไส้, กระเพาะอาหาร และ มดลูก ราศีตุล คือ ลำไส้ใหญ่ ท้อง (ใต้สะดือ), ราศีพิจิก คือ อวัยวะเพศ ทวารหนัก และเบา, ราศีธนู คือ ต้นขา เหนือเข่า, ราศีมังกร คือ หัวเข่า ขาส่วนล่าง ตั้งแต่หัวเข่าลงมา, ราศีกุมภ์ คือ  ขาบริเวณกลางหน้าแข้งถึงตาตุ่ม น่อง และ ราศีมีน คือ เท้า

                การพิจารณาอวัยวะประจำราศีนี้ มีหลักตายตัว คือ เริ่มต้นศีรษะที่ราศีเมษ ไม่ว่าลัคนาอยู่ราศีใดก็ตาม หากว่าดาวบาปเคราะห์ ครองราศีอะไร ก็จะให้โทษเกี่ยวกับอวัยวะประจำกายวิภาคราศีดังกล่าวนี้เสมอ เช่น บาปเคราะห์อังคาร (๓) กับ มฤตยู (๐) อันเป็นดาวคู่อุบัติเหตุ หรือ การผ่าตัด กุมกันอยู่ราศีเมษ ให้พึงระวังโรคเกี่ยวกับศีรษะ หรือ สมอง และเส้นประสาท ในชีวิตอาจจะประสบอุบัติเหตุ กระทบกระเทือนเกี่ยวกับศีรษะอย่างรุนแรง หรือ บาปเคราะห์หลายดวงกุมกันอยู่ในราศีกันย์ ควรระวังโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้  มดลูก หากบาปเคราะห์ไปรวมกันอยู่ราศีกุมภ์ จะประสบอุบัติเหตุรุนแรง ขาหัก หรือ อาจจะขาพิการได้

ราหู (๘) และ เกตุ (๙) คราสร้าย หากอยู่ในราศีใด ก็ต้องระวังอวัยวะประจำราศีนั้น เพราะแสดงว่า จุดเปราะสถิตอยู่ที่นั่น บางทีอาจจะมีตำหนิ เช่น แผลเป็น ไฝ ปาน อยู่ในบริเวณนั้นด้วย

              มีวิธีพิจารณาอวัยวะประจำราศีอีกวิธีหนึ่ง ใช้ประกอบกับวิธีข้างต้น คือ ให้ตั้งจุดเริ่มต้นศีรษะที่ลัคนาของเจ้าชะตา เหมือนกับราศีเมษ ราศีถัด ๆ ไปก็เหมือนกับราศีที่ถัดจากราศีเมษไปตามลำดับ เช่น ลัคนา คือ ส่วนที่เป็นศีรษะ ภพที่ ๒ ก็คือ ส่วนที่เป็นลำคอ หลอดลม,  ภพที่ ๗ คือ ลำไส้เล็ก ท้อง, ภพที่ ๘ คือ อวัยวะเพศ ทวารหนักเบา, ภพที่ ๑๐ คือ หัวเขา และภพที่ ๑๒ คือ เท้า วิธีนี้ช่วยให้การพิจารณาได้แม่นยำดีมาก ไม่ว่าลัคนาอยู่ราศีใด เราจะต้องตั้งต้นกายวิภาค คือ ส่วนที่เป็นศีรษะ จากลัคนา ไล่เรียงลงมาเสมอ

                อย่างไรก็ดี การพิจารณากายวิภาคจักรราศี ควรถือหลักราศีเมษ คือ การเริ่มต้นศีรษะเป็นความสำคัญอันดับแรก ส่วนอีกแบบหนึ่ง คือ เริ่มศีรษะจากลัคนา ควรถือเป็นอันดับรองลงไป เพราะอิทธิพลบาปเคราะห์ที่ครอบงำอวัยวะประจำจักรราศีนั้น มีประสิทธิภาพรุนแรงมาก แม้ดาวพระเคราะห์ประ หรือ นิจ สถิตอยู่ราศีนั้น ๆ ย่อมทำให้ราศีนั้นเสื่อม มีผลกระทบกระเทือนถึงอวัยวะประจำราศีด้วย




ที่มา สำนักโหรพลูโต โดย อ.เล็ก พลูโต

ในการพิจารณาโรค หรือ สุขภาพร่างกายนี้ ทางโหราศาสตร์ไทย ได้พิจารณาทักษา เข้าประกอบด้วย คือ ดาวกาลกิณี หากสถิตอยู่ราศีใด ก็จะทำให้ร่างกายในส่วนนั้นเสื่อม และจะเป็นโรค หรือ เกิดอันตรายแก่อวัยวะประจำราศีนั้น ๆ วิธีหาดาวกาลกิณี ท่านให้ดูปูมทักษา ดังนี้

ผู้ที่เกิดวันใด ก็ให้นับจากเลขประจำวันเกิด เวียนไปทางขวามือ (ตามเข็มนาฬิกา) แล้วท่องคำต่อไปนี้ตามลำดับช่อง จนครบ ๘ ช่อง คือ บริวาร, อายุ, เดช, ศรี, มูละ, อุตสาหะ, มนตรี , กาลกิณี

กฎเกณฑ์สำคัญก็คือ ให้เริ่มนับบริวารที่เลขประจำวันเกิด เช่น เกิดวันอาทิตย์ (ตามตัวอย่างภาพ) ก็เริ่มนับที่เลข ๑ เป็นบริวาร, เลขถัดไปทางขวามือ คือ เลข ๒ เป็นอายุ, เลข ๓ เป็นเดช, เลข ๔ เป็น ศรี, เลข ๗ เป็นมูละ, เลข ๕ เป็นอุตสาหะ, เลข ๘ เป็น มนตรี และเลขสุดท้าย คือ เลข ๖ เป็นกาลกิณี ในตัวอย่างที่ยกมานี้ ทำให้เลข ๖ หรือ ดาวศุกร์ เป็นกาลกิณีของคนที่เกิดวันอาทิตย์

ในกรณีที่ เกิดวันจันทร์ ก็ให้เริ่มนับที่ เลข ๒ เป็นบริวาร, เลข ๓ เป็นอายุ, เลข ๔ เป็นเดช, เลข ๗ เป็นศรี, เลข ๕ เป็นมูละ, เลข ๘ เป็นอุตสาหะ, เลข ๖ เป็นมนตรี และ เลข ๑ เป็นกาลกิณี ทำให้ เลข ๑ หรือ ดาวอาทิตย์ เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันจันทร์

คนเกิดวันอื่น ๆ ก็เช่นกัน อยากรู้ว่าดาวใดเป็นกาลกิณีของคนเกิดวันใด ก็ให้ทำตามวิธีการข้างต้น ดาวกาลกิณีจะอยู่ท้ายดาววันเกิดเสมอ กฏเกณฑ์ทักษาของไทยนี้ นับว่าเป็นมรดกอันล้ำค่าของโหราศาสตร์ไทย ขอให้นักศึกษาพึงจดจำ และเราสามารถนำไปใช้ในเรื่องต่าง ๆ อีกมากมาย ในที่นี้เพียงแนะให้รู้จักการหาดาวกาลกิณีเพียงเท่านั้น

เมื่อเราทราบว่า ราศีใดครอบครองอวัยวะส่วนใดของร่างกายแล้ว ทำให้เราสามารถทราบได้ว่า ดาวใด มีความหมายเกี่ยวกับอวัยวะส่วนใดของร่างกาย ทั้งนี้ โดยถือหลักดาวการเกษตรประจำราศีนั้น ๆ นั่นเอง เมื่อราศีที่ตนเป็นเกษตรมีความหมายเกี่ยวกับอวัยวะส่วนใด ดาวที่เป็นเกษตรประจำราศีนั้น ๆ ก็จะมีความหมายถึงอวัยวะประจำส่วนนั้น ๆ ด้วย ในที่นี้ จะชี้ให้เห็นว่าดาวใดมีความหมายถึงอวัยวะส่วนใด ตามหลักเกษตรเรือนเดียว ของ อ.พลูหลวง คือ

พลูโต (พ) ครองส่วนศรีษะทั้งหมด, แบคคัส (บ) คือ คอ หลอดลม, ราหู (๘) และ เกตุ (๙) คือ ไหล่ ไหปลาร้า สบัก, จันทร์ (๒) คือ นม หน้าอก กล้ามเนื้อใหญ่, โคนแขน, อาทิตย์ (๑) ใต้ราวนม แขนเหนือข้อศอก หัวใจ, พุธ (๔) หน้าท้องเหนือสะดือ ข้อศอก แขน,มดลูก, ศุกร์ (๖) แขนใต้ข้อศอก หน้าท้องใต้สะดือ, อังคาร (๓) อวัยวะเพศ โคนขา ก้น และฝ่ามือ, พฤหัสบดี (๕) หน้าขาอ่อน นิ้วมือ, เสาร์ (๗) หัวเข่า, มฤตยู (๐) หน้าแข้ง และน่อง, เนปจูน (น) ส่วนเท้าทั้งหมด

ทั้งนี้ นอกจากดาวพระเคราะห์ครองบริเวณส่วนนอกของร่างกายแล้ว ยังครองกระดูกใต้ผิวหนัง ตามตำแหน่งที่ดาวพระเคราะห์นั้น ๆ มีอำนาจปกครองอยู่ด้วย ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณาจุดเปราะของร่างกาย โรคภัยไข้เจ็บ อันตรายที่อาจเกิดขึ้นในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้น จะได้นำตัวอย่างดวงชะตา มาเสนอเป็นเรื่อง ๆ ไป

กลวิธีการนับทักษา






การนับทักษา

ทักษามีการนับเป็นทักษาเดิมและทักษาจรแต่ละช่องของทักษามีอายุ 1 ปี เมื่อครบอายุตามวันเกิดก็ข้ามไปช่องถัดไปตามทางเดินทักษา แต่เมื่อนับมาถึงช่องอาทิตย์ต้องวกเข้าตากลางก่อน 1 ปี เพื่อให้ความร้อนที่ได้จากดวงอาทิตย์เบาบางลง แล้วถึงจะไปนับที่ ช่องจันทร์ เช่น ท่านเกิดวันพฤหัส อายุ ๑ ปี จะอยู่เลข ๕ , ๒ ปี อยู่ เลข ๘ , ๓ ปีอยู่เลข ๖, ๔ ปีอยู่เลข ๑, ๕ ปีเข้าตากลางใช้เลข ๕ แทน, ๖ ปีอยู่เลข ๒ , ๗ ปีอยู่เลข ๓ อ่านได้ว่าอายุ ๗ ปีทักษาเดิม ๓ เป็นอุตสาหะ ทักษาจร ๓ เป็นบริวาร ทำให้ ๒ เป็นกาลกิณีในปีนี้

อายุนี้เราใช้อายุย่างไม่ใช้อายุเต็มหากมีอายุมากมีวิธีลัดคิดในใจ เช่น 66 ปี ให้นำเลขทั้งสองตัวบวกกันหากเกิน 1 หลักก็บวกกันอีกจนได้เลขหลักเดียว 6+6 ได้ 12 และ 1+2 ได้ 3 ก็ได้คำตอบคือนับไป 3 ช่อง
ตัวอย่าง เกิดวันอะไรก็เริ่มนับที่วันนั้น เกิดวันอาทิตย์ อายุปีนี้ 48 ปี 5 เดือน 6 วัน มีอายุย่างคือ 49 ปี ได้เป็น 4+9 ได้ 13 เกิน 1 หลัก บวกใหม่ 1+3 ได้ 4 นับจากช่องอาทิตย์ไป 4 ช่อง ก็ตกช่องอังคาร ทั้งนี้ก็เพราะเมื่อถึงอาทิตย์ต้องนับเข้าตากลาง ก็อ่านได้ว่าทักษาจรปีนี้ตกดาวอังคาร ซึ่งอังคารในทักษาเดิมเป็นเดช ได้ใจความว่าเดชเดิมปีนี้มาเป็นบริวาร
หากปีใดนับลงตากลางให้ใช้ช่องเลข๕ ในการเริ่มบริวารจร


ทักษาเดิม ๑ เป็นบริวาร  ๒ เป็นอายุ  ๓ เป็นเดช  ๔ เป็นศรี  ๗ เป็นมูละ  ๕ เป็นอุตสาหะ  ๘ เป็นมนตรี  ๖ เป็นกาลกิณี
ทักษาจร ๓ เป็นบริวาร  ๔ เป็นอายุ  ๗ เป็นเดช  ๕ เป็นศรี  ๘ เป็นมูละ  ๖ เป็นอุตสาหะ  ๑ เป็นมนตรี  ๒ เป็นกาลกิณี
 

ลองทำนายจากนี้จะเห็นว่า 

๑ ( อาทิตย์ ) บริวารเดิมเป็นมนตรีจร
๒ ( จันทร์ ) อายุเดิมเป็นกาลกิณีจร
๓ ( อังคาร ) เดชเดิมเป็นบริวารจร
๔ ( พุธ ) ศรีเดิมเป็นอายุจร
๗ ( เสาร์ ) มูละเดิมเป็นเดช
๕ ( พฤหัส ) อุตสาหะเดิมเป็นศรี
๘ ( ราหู ) มนตรีเดิมมูละ
๖ ( ศุกร์ ) กาลกิณีเดิมเป็นอุตสาหะ

นำมารวมความหมายได้คำทำนายว่า ปีนี้การงานจะต้องเหนื่อยหนักมากกว่าเดิมเพื่อให้งานเดินหน้าได้พึงต้องรักษาหรือหาบริวารที่มีฝีมือ แม้จะเหนื่อยยากแต่หากทุ่มเทเต็มที่ก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้
เห็นไหมครับแค่วันเกิดกับอายุคุณก็รู้ความเป็นไปของชีวิตได้อย่างง่ายๆ ทีนี้คุณก็เข้าใกล้ความเป็นนักพยากรณ์ไปก้าวหนึ่งแล้วครับ

ขอสรุปทักษาเดิมและทักษาจรเพื่อเป็นแนวทางดังนี้

อย่างที่ทุกท่านทราบชีวิตคนเราย่อมมีการหมุนเวียนไปไม่อยู่นิ่งกับที่เมื่อเกิดการหมุนเราก็สามารถนำมาใช้ในการทำนายพยากรณ์พื้นชีวิตได้โดยมีคำทำนายสำเร็จดังนี้

บริวารเดิมเป็นบริวารจร-บริวารเด่นมาก เข้ามาช่วยเหลือดี บริวารเยอะ
บริวารเดิมเป็นอายุจร-บริวารปีนี้ สุขภาพไม่ดี หรือลาพักกันเยอะ ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน
บริวารเดิมเป็นเดชจร-บริวารนำชื่อเสียงมาให้ หรือบริวารโชคดีเอง
บริวารเดิมเป็นศรีจร-จะได้บริวารดี ได้บริวารใหม่
บริวารเดิมเป็นมูละจร-บริวารมีการโยกย้าย ลาออก เปลี่ยนที่อยู่
บริวารเดิมเป็นอุตสาหะจร-บริวารขยันขันแข็งดีมาก
บริวารเดิมเป็นมนตรีจร-บริวารเหมือนเป็นที่พึ่งพา ถ้าขาดไปก็กิจการทรุด หยุดชงัก
บริวารเดิมเป็นกาลีจร-บริวารให้โทษ สไตท์ ขอขึ้นเงินเดือน

อายุเดิมเป็นบริวารจร-สุขภาพปกติ
อายุเดิมเป็นอายุจร-สุขภาพจะเจ็บป่วยบ้าง
อายุเดิมเป็นเดชจร-สุขภาพเข็งแรงดีมาก
อายุเดิมเป็นศรีจร-สุขภาพดีมาก
อายุเดิมเป็นมูละจร-สุขภาพจะเปลี่ยนแปลง
อายุเดิมเป็นอุตสาหะจร-สุขภาพปกติ
อายุเดิมเป็นมนตรีจร-สุขภาพปกติ
อายุเดิมเป็นกาลีจร-ป่วยแน่ แรงด้วย

เดชเดิมเป็นบริวารจร-ชื่อเสียงดีก็เพราะได้บริวารช่วยเหลือ
เดชเดิมเป็นอายุจร-ปีนี้ท่าทางชื่อเสียงปีนี้จะด่างพล้อยบ้าง
เดชเดิมเป็นเดชจร-ดีมากดังเป็นพลุ
เดชเดิมเป็นศรีจร-ดีที่สุด ได้ทั้งเงินและชื่อเสียง
เดชเดิมเป็นมูละจร-เกี่ยวกับชื่อเสียงจะเปลี่ยนแปลงหรือมีการโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่
เดชเดิมเป็นอุตสาหะจร-การงานจะส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับหน้าที่
เดชเดิมเป็นมนตรีจร-มีผู้ช่วยเหลือดี ได้เลื่อนยศเลื่อนขั้น
เดชเดิมเป็นกาลีจร-ปีนี้ชื่อเสียงไม่ดีนัก ถ้าดังก็ไปทางเสียหาย

ศรีเดิมเป็นบริวารจร-เงินทองได้จากบริวารเข้ามาช่วยเหลือ
ศรีเดิมเป็นอายุจร-การเงินติดขัด
ศรีเดิมเป็นเดชจร-การเงินต้องใช้อำนาจ หน้าที่ มาบีบบังคับ ถึงจะได้มา
ศรีเดิมเป็นศรีจร-การเงินเฟื่องฟูมาก
ศรีเดิมเป็นมูละจร-เงินหมุนทั้งปี หาเก็บยาก
ศรีเดิมเป็นอุตสาหะจร-เงินได้จากงาน งานคือเงิน
ศรีเดิมเป็นมนตรีจร-เงินจะมีคนนำมาให้ หากกู้ธนาคารโอกาสได้ก็สูง
ศรีเดิมเป็นกาลีจร-การเงินล้มเหลว

มูละเดิมเป็นบริวารจร-ที่อยู่จะมีคนเข้ามาอาศัยเยอะ
มูละเดิมเป็นอายุจร-ที่อยู่ปีนี้ไม่ดีนัก อยู่ลำบาก อยู่แบบไม่สบายใจ
มูละเดิมเป็นเดชจร-มักมีปากเสียงกันในครอบครัว
มูละเดิมเป็นศรีจร-ที่อยู่อาศัยดีมาก สบาย ได้บ้านใหม่
มูละเดิมเป็นมูละจร-ย้ายสะบัด อยู่ไม่เป็นที่ ร้อนใจทั้งปี
มูละเดิมเป็นอุตสาหะจร-ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เหมือนแต่งกับงาน
มูละเดิมเป็นมนตรีจร-มีคนหาที่อยู่มาให้ ดีมาก
มูละเดิมเป็นกาลีจร-ย้ายอีกแล้ว อยู่ไม่เป็นที่เหมือนกัน

อุตสาหะเดิมเป็นบริวารจร-การงานมีลูกน้องเยอะ
อุตสาหะเดิมเป็นอายุจร-การงานปีนี้จะติดขัดบ้าง
อุตสาหะเดิมเป็นเดชจร-การงานปีนี้เด่นมาก
อุตสาหะเดิมเป็นศรีจร-งานปีนี้เด่นที่สุด ประสบผลสำเร็จแน่
อุตสาหะเดิมเป็นมูละจร-มีการเปลี่ยนแปลงในวงงาน ย้ายตำแหน่ง
อุตสาหะเดิมเป็นอุตสาหะจร-งานดี ทำงานทั้งปี
อุตสาหะเดิมเป็นมนตรีจร-มีเพื่อนร่วมงานเยอะ หรือได้ทำหุ้นส่วน
อุตสาหะเดิมเป็นกาลีจร-การงานล้มเหลว ลดขั้น

มนตรีเดิมเป็นบริวารจร-หนูจะเข้ามาช่วยราชสีห์
มนตรีเดิมเป็นอายุจร-หาที่ปรึกษา คนค้ำ คนช่วยเหลือ กู้ยืม ลำบากเหลือหลาย
มนตรีเดิมเป็นเดชจร-มีคนช่วยเหลือดี
มนตรีเดิมเป็นศรีจร-ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน
มนตรีเดิมเป็นมูละจร-ญาติผู้ใหญ่มีการโยกย้าย หรือเจ็บป่วย
มนตรีเดิมเป็นอุตสาหะจร-ผู้ร่วมงานให้การสนับสนุน ช่วยเหลือเต็มที่
มนตรีเดิมเป็นมนตรีจร-ที่พึ่งดีมาก ทำสิ่งใด มีแต่คนช่วยเหลือ
มนตรีเดิมเป็นกาลีจร-พ่อแม่เจ็บป่วย หากร้ายแรงก็เสียชีวิต

กาลีเดิมเป็นบริวารจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้เกี่ยวกับบริวาร
กาลีเดิมเป็นอายุจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้มาแน่ เคราะห์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะสุขภาพ
กาลีเดิมเป็นเดชจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้เกี่ยวกับชื่อเสียง
กาลีเดิมเป็นศรีจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้เกี่ยวกับการเงิน
กาลีเดิมเป็นมูละจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้ส่งผลถึงการโยกย้าย
กาลีเดิมเป็นอุตสาหะจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้ส่งผลถึงหน้าที่การงาน
กาลีเดิมเป็นมนตรีจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้ผู้ใหญ่ให้โทษ
กาลีเดิมเป็นกาลีจร-สิ่งเลวร้ายปีนี้ร้ายเป็นที่สุด ร้ายทุกเรื่อง

จากบทความทั้งสองตอนที่ทุกท่านได้สัมผัส จะเห็นว่าตอนที่ 1 จะมัวันพุธกลางคืน แต่แบบที่สอง จะมีแต่วันพุธไม่มีวันราหู ซึ่งก็มีการนับและผลการพยากรณ์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละท่าน  แต่ต้องขอเน้นว่าต้องศึกษาเรื่องทักษาไว้ให้ดี เพราะจะมีใช้อยู่ในการพยากรณ์เกือบทุกแบบครับ

ความรู้เรื่องทักษา






 ทิศที่เกี่ยวกับทักษา
 ๑ อีสาน - ตะวันออกเฉียงเหนือ
๒ บูรพา - ตะวันออก
๓ อาคเณย์ - ตะวันออกเฉียงใต้
๔ ทักษิณ - ใต้
๗ หรดี - ตะวันตกเฉียงใต้
๕ ปัศจิม - ตะวันตก
๘ พายัพ - ตะวันตกเฉียงเหนือ
๖ อุดร - เหนือ

ทักษาแท้จริงก็คือวันในสัปดาห์นั่นเอง ท่านเกิดวันอะไรก็ถูกกำหนดไว้ดังนี้


๑ แทนวันอาทิตย์ ธาตุไฟ สีแดง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ   มีกำลัง 6
๑ เป็นบริวาร  ๒ เป็นอายุ  ๓ เป็นเดช  ๔ เป็นศรี  ๗ เป็นมูละ  ๕ เป็นอุตสาหะ  ๘ เป็นมนตรี  ๖ เป็นกาลกิณี

๒ แทนวันจันทร์ ธาตุดิน สีเหลือง ขาว ทิศตะวันออก   มีกำลัง 15
๒ เป็นบริวาร  ๓ เป็นอายุ  ๔ เป็นเดช  ๗ เป็นศรี  ๕ เป็นมูละ  ๘ เป็นอุตสาหะ  ๖ เป็นมนตรี  ๑ เป็นกาลกิณี

๓ แทนวันอังคาร ธาตุลม สีชมทิศตะวันออกเฉียงใต้   มีกำลัง 8
๓ เป็นบริวาร  ๔ เป็นอายุ  ๗ เป็นเดช  ๕ เป็นศรี  ๘ เป็นมูละ  ๖ เป็นอุตสาหะ  ๑ เป็นมนตรี  ๒ เป็นกาลกิณี

๔ แทนวันพุธ ธาตุน้ำ ทิศใต้  มีกำลัง 17
๔ เป็นบริวาร  ๗ เป็นอายุ  ๕ เป็นเดช  ๘ เป็นศรี  ๖ เป็นมูละ  ๑ เป็นอุตสาหะ  ๒ เป็นมนตรี  ๓ เป็นกาลกิณี

๕ แทนวันพฤหัสบดี ธาตุดิน ทิศตะวันตก มีกำลัง 19
๕ เป็นบริวาร  ๘ เป็นอายุ  ๖ เป็นเดช  ๑ เป็นศรี  ๒ เป็นมูละ  ๓ เป็นอุตสาหะ  ๔ เป็นมนตรี  ๗ เป็นกาลกิณี

๖ แทนวันศุกร์ ธาตุน้ำ ทิศเหนือ มีกำลัง 21
๖ เป็นบริวาร  ๑ เป็นอายุ  ๒ เป็นเดช  ๓ เป็นศรี  ๔ เป็นมูละ  ๗ เป็นอุตสาหะ  ๕ เป็นมนตรี  ๘ เป็นกาลกิณี

๗ แทนวันเสาร์ ธาตุไฟ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีกำลัง 10
๗ เป็นบริวาร  ๕ เป็นอายุ  ๘ เป็นเดช  ๖ เป็นศรี  ๑ เป็นมูละ  ๒ เป็นอุตสาหะ  ๓ เป็นมนตรี  ๔ เป็นกาลกิณี

๘ ไม่มีวัน เป็นธาตุลม ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีกำลัง 12
๘ เป็นบริวาร  ๖ เป็นอายุ  ๑ เป็นเดช  ๒ เป็นศรี  ๓ เป็นมูละ  ๔ เป็นอุตสาหะ  ๗ เป็นมนตรี  ๕ เป็นกาลกิณี


ความหมายของคำดังกล่าวมีดังนี้


*บริวาร ใช้พิจารณาเรื่อง บุตร ภรรยา สามี ลูกน้อง ผู้ใต้บัญชา ตัวเอง ตลอดจนญาติ ผู้คนต่างๆ
*อายุ ใช้พิจารณาเรื่อง การเจ็บไข้ได้ป่วย สุขภาพ ความเครียด อ่อนล้า สมรรถภาพ โรคภัยต่างๆ
*เดช ใช้พิจารณาเรื่อง เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจ วาสนา การเลื่อนขั้น ตำแหน่ง
*ศรี ใช้พิจารณาเรื่อง การเงิน การพนัน ของใช้ต่างๆ วัตถุ ของมีค่า
*มูละ ใช้พิจารณาเรื่อง ที่อยู่อาศัย การโยกย้าย หลักฐานบ้านเรือน การเดินทาง
*อุตสาหะ ใช้พิจารณาเรื่อง หน้าที่การงาน ความขยัน อดทน การศึกษา
*มนตรี ใช้พิจารณาเรื่อง ผู้ช่วยเหลือ คนอุปถัมป์ ผู้ใหญ่ ครูอาจารย์ ที่ปรึกษา คู่ครองก็มีส่วน
*กาลกิณี ใช้พิจารณาเรื่อง อุปสรรคต่างๆ ความไม่แน่นอน สิ่งชั่วร้าย การหลีกเลี่ยงกาลกิณีเป็นสิ่งนิยมทำ