หมอจุ๊บ ดูดวงออนไลน์ อ.ปรัชวินทร์ ภาสย์วชิรานนท์ ดูดวง ดูดวงความรัก โหราศาสตร์ เลขะปราการณ์ เลขศาสตร์ ดูดวงเบอร์มือถือ ดูดวงเบอร์โทรศัพท์ ดูดวงทางโทรศัพท์ ดูดวงทางไลน์ เปิดกรรม แก้กรรม ปรับดวง สอนเลขศาสตร์ วิเคราะห์เบอร์มือถือ ตั้งชื่อ ตั้งชื่อมงคล นามสกุล ค่าครูดวงละ 514 บาท โทร.0986462514(AIS),0971425463(True) ไลน์ไอดี morjoop
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559
ศาสตร์การดูดวง และความงมงาย
"งมงาย" ความหมายจากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน เป็นคำกริยาที่หมายถึง "หลงเชื่อโดยไม่มีเหตุผลหรือโดยไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นหรือเหตุผลของผู้อื่น" แต่ให้ความหมายมาค่อนข้างสั้นไปนิด ถ้าผมจะเพิ่มเติมอีกหน่อยหมายถึง หลงเชื่อโดยไม่มีเหตุผล ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นหรือเหตุผลของผู้อื่น และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เหลวไหล ไม่มีสาระที่ควรเชื่อ ทำตาม รวมถึงเป็นพฤติกรรมที่ทำให้แย่และตกต่ำลงได้ ที่เพิ่มแบบนี้เพราะปัจจุบันคำว่า งมงาย หากเราพูดใส่คนอื่น มีนัยยะถึงการดูถูกดูแคลน เป็นทิศทางเดียวแต่ค่อนข้างสุภาพกว่าคำว่า "โง่" นั่นเอง ทีนี้อะไรบ้างที่เรามักคิดว่ามันงมงายแต่แท้จริงแล้วมันอาจไม่ใช่ ยกตัวอย่าง
ยูเอฟโอ เอเลี่ยนหรือมนุษย์ต่างดาวไม่มีอยู่จริง เป็นเรื่องงมงาย การจะแยกว่ามันงมงายหรือไม่ควรใช้หลักของเหตุผล การพิสูจน์ ที่เรามองว่ามันเป็นเรื่องงมงายเป็นเพราะเราไม่เคยเห็นจึงมองว่างมงาย แต่ในมุมของเหตุผลจริงๆ การจะตีความจริงๆให้ถ่องแท้คือ เราต้องเดินทางไปต่างดาว สำรวจทุกกาแลคซี่ ปัญหาคือ เราก็ยังไปไม่ถึงจุดนั้นอยู่ดี แนวคิดเกี่ยวกับเอเลี่ยนจึงไม่ใช่เรื่องงมงายเพียงแต่ยังขาดการพิสูจน์ให้เห็นจริง
ผี วิญญาณ เรามักตีความว่าเป็นเรื่องงมงาย แท้จริงแล้วผีหรือวิญญาณเป็นพลังงานอย่างหนึ่งซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่า ต้องใช้คลื่นพลังงานที่สัมพันธ์กัน หากจะทำให้สัมพันธ์กันได้ต้องมีสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือกายหลับแต่จิตตื่น หมายถึงต้องนั่งสมาธิจนเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า ฌาน และอยู่ในสภาวะนี้นิ่งไปสักระยะหนึ่งจึงจะสามารถมองเห็นและสัมผัสถึงพลังงานวิญญาณ รวมถึงพลังงานเร้นลับอื่นๆ ภพที่อยู่ต่ำและสูงกว่าเราได้ คำถามคือ คนที่มักตีความว่าผีไม่มี เป็นเรื่องงมงายเหลวไหล ได้เข้าถึงจุดจุดนั้นแล้วหรือยัง หรือยังแค่ตีความโดยหลงเชื่อตามๆกันมา โดยไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นหรือเหตุผลของผู้อื่น(ที่เค้าสนใจและศึกษาด้านนั้นอย่างลึกซึ้ง) ยึดเพียงหลักวิทยาศาสตร์ที่เราเรียนกันมาแต่เพียงพื้นๆ ทำให้วิทยาศาสตร์กลายเป็นดาบสองคมที่ทำให้คนงมงายกับความเชื่อเดิมๆ ตามๆกันมาตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ว่าสิ่งที่ไม่งมงายคือสิ่งที่มี เห็น พิสูจน์ได้ ทั้งๆที่คนที่มักตีความไปผิดยังไม่เคยแม้แต่ทดลองพิสูจน์ดูเลย
มาที่ศาสตร์การดูดวงที่มักโดนตีความและเหมารวมบ่อยๆว่าเป็นอาชีพหลอกคน หากินกับความเชื่อ งมงายเหลวไหล เสียเวลา เอาเวลาไปทำมาหากินยังจะเจริญกว่ามาดูดวง คำถามคือ ทำไมคนที่มักชอบดูดวงส่วนใหญ่ชีวิตมักเจริญ(ใช้คำว่าส่วนใหญ่และลูกค้าที่มักชอบดูดวงกับผมก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ) บางคนจบด็อกเตอร์จากต่างประเทศ บางคนเป็นนักธุรกิจร้อยล้านพันล้าน เป็นเจ้าของโรงแรม สายการบิน เป็นผู้มีชื่อเสียง มีอิทธิพล นักการเมืองที่มีชื่อเสี่ยง ร่ำรวยมากมายทำไมถึงยังคงชอบดูดวง มีอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ทำไมเมืองจีน ฮ่องกง รวมถึงหลายๆประเทศที่เป็นมหาอำนาจถึงยังเชื่อตามหลักฮวงจุ้ย ยังคงใช้ศาสตร์ที่เรามักมองว่างมงาย เพราะอาชีพการดูดวงไม่ได้ใช้เพียงศาสตร์การทำนายเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยขั้นตอนทางจิตวิทยา การสร้างแรงจูงใจ แรงบันดาลใจในการทำสิ่งๆนั้นให้สำเร็จ การเป็นผู้รับฟังปัญหา ปลอบประโลม ช่วยบรรเทาปัญหาคับข้องในจิตใจที่ไม่สามารถบอกให้ใครรับฟังได้ ไม่ว่าจะรวยจะจน มีชื่อเสียง มีตำแหน่ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้ขนาดไหน ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนแอ มีความกลัว กังวล ซึ่งต้องการผู้ชี้ทางอยู่เสมอ ความเชื่อ ความศรัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือคำพูดหรือใครคนใดหนึ่งได้อย่างไม่ลังเลสามารถลดอคติที่ไม่ดีในชีวิต และยังช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างง่ายขึ้นด้วย
ทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกันไป ตำรวจชั่วๆมีให้เห็น ตำรวจดีๆก็มีเช่นกัน นักการเมืองชั่วๆมีให้เห็น นักการเมืองที่เป็นคนดี ตั้งใจทำงานไม่โกงกินก็มีเช่นกัน หมอดูหลอกเงิน หมอเดา หมอดูชั่วๆ มีให้เห็น หมอดูที่แม่นยำ หมอดูที่ตั้งใจศึกษาค้นคว้าเพื่อช่วยเหลือคนอื่นอย่างจริงใจก็มีเช่นกัน เราไม่ควรตีความจากสิ่งที่สัมผัสรับรู้ พบเจอเพียงไม่กี่ครั้งเหมารวมไปทั้งหมด ที่นี้ปัญหาคือ คนที่มักตีความว่าการดูดวงเป็นเรื่องงมงาย ได้ลองศึกษาสัมผัส ทดลองเกี่ยวกับศาสตร์นี้อย่างลึกซึ้งแล้วหรือยัง หรือยังมีเพียงความรู้ที่เข้าใจมาเพียงตื้นๆ ฟังหลายคนเขาพูดมา หรือไม่ได้ผ่านการศึกษาด้านนี้มาเลย หากมีใครที่ได้สัมผัสและศึกษาอย่างถ่องแท้ เก็บสถิติต่างๆสักห้าปีแล้วพิสูจน์พบว่าศาสตร์การดูดวงไม่สามารถใช้ทำนายได้จริง ไม่สามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ ผมจะยอมรับว่าศาสตร์นี้เป็นเรื่องงมงาย ปัญหาอีกครั้งคือ คนที่มักตีความว่าศาสตร์นี้งมงาย มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ยังคงใช้อคติ ดูหมิ่นดูแคลนต่อผู้อื่น อาชีพอื่นๆ มีจิตที่มัวหมองหรือไม่ และแท้จริงแล้วตนเอง "หลงเชื่อโดยไม่มีเหตุผลหรือโดยไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นหรือเหตุผลของผู้อื่น" หรือเป็นคนที่งมงายเองกันแน่